ในฐานะเพื่อนบ้านที่ต่างก็ชื่นชอบสนามหลังบ้าน แม่ของฉันและคุณนายซานเชซกลายมาเป็นคู่แข่งที่เป็นมิตรกัน ทุกวันจันทร์ทั้งคู่จะแข่งกันเป็นคนแรกในการตากผ้าที่เพิ่งซักเสร็จบนราวตากผ้ากลางแจ้ง แม่ของฉันอาจบอกว่า “เธอชนะฉันอีกแล้ว!” แต่สัปดาห์หน้าแม่จะเป็นคนแรก ทั้งคู่สนุกกับการแข่งขันกระชับมิตรประจำสัปดาห์ เป็นเวลากว่าสิบปีที่ทั้งสองได้ใช้สนามหลังบ้านร่วมกัน และยังได้แบ่งปันสติปัญญา เรื่องราวและความหวังให้แก่กันและกันอีกด้วย
พระคัมภีร์กล่าวด้วยความรู้สึกอบอุ่นอย่างยิ่งเกี่ยวกับคุณความดีของมิตรภาพเช่นนี้ ซาโลมอนแสดงความเห็นว่า “มิตรสหายก็มีความรักอยู่ทุกเวลา” (สภษ.17:17) พระองค์ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า “คำเตือนสติอันอ่อนหวานของเพื่อนก็เป็นที่ให้ชื่นใจ” (27:9)
แน่ทีเดียวที่สหายเลิศของเราคือพระเยซู ทรงปลุกเร้ามิตรภาพอันเปี่ยมด้วยความรักจากเหล่าสาวกของพระองค์โดยทรงสอนว่า “ไม่มีผู้ใดมีความรักที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ คือ การที่ผู้หนึ่งผู้ใดจะสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหายของตน” (ยน.15:13) แล้วในวันถัดมาพระองค์ได้ทรงกระทำสิ่งนั้นบนกางเขน พระองค์ตรัสกับพวกเขาอีกว่า “เราเรียกท่านว่ามิตรสหาย เพราะทุกสิ่งที่เราได้ยินจากพระบิดาของเรา เราได้สำแดงแก่ท่านแล้ว” (ข้อ 15) แล้วทรงตรัสว่า “สิ่งที่เราสั่งท่านทั้งหลายไว้ก็คือ ท่านจงรักกันและกัน” (ข้อ 17)
ด้วยพระดำรัสเช่นนี้ พระเยซู “กำลังยกระดับผู้ฟังของพระองค์” ดังที่นักปรัชญานิโคลัส โวลเทอร์สตอร์ฟฟ์กล่าวไว้ จากมนุษย์ที่ต่ำต้อยไปสู่การเป็นสหายและคนที่ทรงไว้วางใจ ในพระคริสต์นั้นเราเรียนรู้ที่จะเป็นเพื่อนกับผู้อื่น พระองค์ช่างเป็นสหายเลิศจริงๆที่สอนเราถึงความรักเช่นนี้!
การระบาดครั้งใหญ่นี้เป็นฝ่ายชนะ นั่นคือมุมมองของเจสัน เพอร์ซอฟ แพทย์ประจำห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลใหญ่ที่มุ่งมั่นช่วยเหลือผู้ป่วยโควิด เขาจะทำดีที่สุดได้อย่างไร ช่วงนอกเวลางานเขาจะผ่อนคลายด้วยการถ่ายภาพขยายของสิ่งเล็กๆ เช่น เกล็ดหิมะ มัน “ดูไร้สาระ” ดร.เพอร์ซอฟกล่าว แต่การพบความชื่นบานในสิ่งเล็กๆน้อยๆที่งดงามคือ “โอกาสที่จะได้ผูกพันกับพระผู้สร้างของผม และได้เห็นโลกในแบบที่น้อยคนนักจะใช้เวลาสังเกต”
การแสวงหาความชื่นบานอย่างชาญฉลาดเพื่อบรรเทาความเครียดและสร้างภูมิคุ้มกันถือเป็นคุณค่าอันสูงส่งในวงการแพทย์ แพทย์ผู้นี้กล่าวไว้ แต่สำหรับทุกคนนั้นเขามีคำแนะนำดังนี้ “คุณต้องสูดหายใจเข้า คุณต้องหาวิธีที่จะสูดลมหายใจและสนุกกับชีวิต”
ดาวิดผู้เขียนเพลงสดุดีแสดงความคิดเช่นนี้ในสดุดี 16 เมื่อท่านประกาศถึงสติปัญญาแห่งการได้พบความชื่นบานในพระเจ้า “พระเจ้าทรงเป็นองค์ที่ข้าพเจ้าเลือก” ท่านกล่าวว่า “เพราะฉะนั้น จิตใจของข้าพเจ้าจึงยินดีและจิตวิญญาณก็ปรีดา ร่างกายของข้าพเจ้าก็อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยด้วย” (ข้อ 5, 9)
ในขณะที่ผู้คนพยายามลดความกดดันและผ่อนคลายนั้น พวกเขาทำหลายสิ่งที่ไม่ฉลาดนัก ดร.เพอร์ซอฟพบวิถีอันชาญฉลาด คือวิถีที่นำเขาไปยังองค์พระผู้สร้างผู้ประทานความชื่นบานแห่งการทรงสถิตของพระองค์ “พระองค์ทรงสำแดงวิถีแห่งชีวิตแก่ข้าพระองค์ ต่อพระพักตร์ของพระองค์มีความชื่นบานอย่างเปี่ยมล้น ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์” (ข้อ 11) ในพระองค์เราจะพบความชื่นบานตลอดนิรันดร์
เสียงปรบมือดังขึ้นเมื่อบรรดานักเรียนที่มีคะแนนสูงสุดรับใบประกาศนียบัตรความเป็นเลิศด้านผลการเรียน แต่รายการยังไม่จบ รางวัลต่อไปเป็นการยกย่องนักเรียนที่ไม่ได้ “เก่งที่สุด” แต่มีการพัฒนามากที่สุด เด็กเหล่านี้พยายามอย่างหนักที่จะดึงเกรดที่ตกให้ดีขึ้น แก้ไขพฤติกรรมก่อกวน หรือตั้งใจเข้าเรียนอย่างสม่ำเสมอ ผู้ปกครองของพวกเขาพากันยิ้มแย้มและปรบมือที่เห็นลูกๆเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น พวกเขาไม่ได้มองข้อบกพร่องในอดีต แต่มองว่าเด็กเหล่านี้กำลังเดินไปในเส้นทางใหม่
เหตุการณ์อันน่าชื่นใจนี้สะท้อนถึงภาพที่พระบิดาในสวรรค์ทอดพระเนตรเห็นเรา คือไม่ใช่เราในวิถีชีวิตเก่า แต่เป็นเราในปัจจุบันที่อยู่ในพระคริสต์ในฐานะลูกของพระองค์ ยอห์นบันทึกไว้ว่า “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า” (ยน.1:12) ช่างเป็นมุมมองที่งดงามจริงๆ! ด้วยเหตุนี้เปาโลจึงเตือนผู้เชื่อใหม่ว่า ครั้งหนึ่ง “ท่านตายแล้วโดยการละเมิด และการบาป” (อฟ.2:1) แต่แท้จริงแล้ว “เราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ประกอบการดี ซึ่งพระเจ้าได้ทรงดำริไว้ล่วงหน้าเพื่อให้เรากระทำ” (ข้อ 10)
เปโตรเขียนไว้ดังนี้ว่า เราทั้งหลาย “เป็นชาติที่พระองค์ทรงเลือกไว้แล้ว เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นประชาชาติบริสุทธิ์ เป็นชนชาติของพระเจ้าโดยเฉพาะ เพื่อให้ท่านทั้งหลายประกาศพระบารมีของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกท่านทั้งหลายให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์” และบัดนี้พวกเรา “เป็นชนชาติของพระเจ้าแล้ว” (1 ปต.2:9-10) ในสายพระเนตรของพระเจ้า เส้นทางเก่าของเราไม่มีอิทธิพลเหนือเราอีก ให้เรามองเห็นตนเองอย่างที่พระเจ้าทรงเห็น และเดินไปในเส้นทางใหม่นี้
เขาเป็นที่รู้จักในนามนายทหารผู้กล่าวสุนทรพจน์เรื่องการจัดเตียงทุกวัน ซึ่งมีผู้เข้าชมออนไลน์ถึง 100 ล้านครั้ง แต่พลเรือเอกวิลเลี่ยม แม็คราเวนซึ่งเกษียณอายุแล้วได้แบ่งปันอีกบทเรียนหนึ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ในระหว่างปฏิบัติการทางทหารในตะวันออกกลาง แม็คราเวนได้พบด้วยความเศร้าใจว่าสมาชิกหลายคนในครอบครัวผู้บริสุทธิ์ถูกสังหารเนื่องจากความผิดพลาด ด้วยความเชื่อว่าครอบครัวนี้ต้องได้รับการขอโทษอย่างจริงใจ แม็คราเวนจึงกล้าที่จะขอการยกโทษจากผู้เป็นพ่อซึ่งหัวใจแหลกสลาย
“ผมเป็นทหาร” แม็คราเวนบอกกับชายผู้นั้นผ่านล่าม “ผมเองก็มีลูกเช่นกัน และผมรู้สึกเสียใจกับคุณ” ชายคนนี้ตอบสนองอย่างไรน่ะหรือ เขามอบการอภัยซึ่งเป็นของขวัญที่มอบให้ด้วยใจกว้างขวางอย่างเหลือล้นแก่แม็คราเวน ดังที่ลูกชายผู้รอดชีวิตของชายผู้นี้ได้ตอบว่า “ขอบคุณมาก เราจะไม่เก็บสิ่งใดที่เป็นการต่อต้านคุณไว้ในใจของเรา”
อัครทูตเปาโลเองก็ได้เขียนถึงพระคุณอันมากล้นเช่นนี้ “เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน” (คส.3:12) ท่านทราบว่าเราจะพบบททดสอบของชีวิตในหลากหลายด้าน ดังนั้นท่านจึงสั่งผู้เชื่อในคริสตจักรที่เมืองโคโลสีว่า “และถ้าแม้ว่าผู้ใดมีเรื่องราวต่อกัน...องค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดยกโทษให้ท่านฉันใด ท่านจงกระทำอย่างนั้นเหมือนกัน” (ข้อ 13)
สิ่งใดกันที่ทำให้เรามีใจเมตตาและให้อภัยเช่นนั้นได้ นั่นก็คือ ความรักอันมากล้นของพระเจ้า ดังที่เปาโลสรุปว่า “แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์” (ข้อ 14)
ดร.ทิฟฟานี่ โกลสันได้เห็นอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบหลายด้านต่อเมืองอีสต์เซนต์หลุยส์ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆในรัฐอิลลินอยส์ สหรัฐอเมริกา แต่ภายในปี 2023 สถิติการฆาตกรรมในเมืองนี้้ลดลง 31 เปอร์เซ็นต์ และอาชญากรรมโดยรวมลดลง 37 เปอร์เซ็นต์ เกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้ ด้วยการร่วมมือกันทำงานของคนหลายกลุ่มที่บังคับใช้กฎหมายความปลอดภัยสาธารณะของเมือง ซึ่งประกอบด้วยตำรวจประจำรัฐและเมือง เขตการศึกษาประจำเมือง และองค์กรด้านศาสนา ได้ผนึกกำลังกันเพื่อพลิกสถานการณ์ให้กับพลเมืองทุกคน
“เราพูดกันว่ามันคือการรวมเป็นหนึ่ง” ดร. โกลสันกล่าว โดยสมาชิกทั้งหมดของเมืองนี้ได้ร่วมมือกันเพื่อช่วยเหลือประชาชน ศูนย์ให้ความช่วยเหลือและคำปรึกษากับกลุ่มวัยรุ่นในเขตการศึกษาภายใต้การนำของเธอนั้น ได้นำนักสังคมสงเคราะห์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนไปช่วยเหลือเด็กที่ได้รับผลกระทบจากอาชญากรรมหรืออุบัติเหตุ หน่วยงานอื่นๆได้ใช้จุดแข็งของตนเองเข้ามาช่วย ขณะที่ตำรวจก็ตั้งใจพูดคุยและรับฟังเสียงของประชาชนบนท้องถนนมากขึ้น
ดาวิดผู้แต่งเพลงสดุดีเขียนว่า “ดูเถิด ซึ่งพี่น้องอาศัยอยู่ด้วยกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันก็เป็นการดีและน่าชื่นใจมากสักเท่าใด” (สดด.133:1) พร้อมทั้งเสริมว่า “เหมือนน้ำค้างของภูเขาเฮอร์โมน” (ข้อ 3) ดาวิดหมายถึงผู้คนที่มีความเชื่อเป็นหนึ่งเดียวกันในพระเจ้า โดยไม่แบ่งแยกตามหลักคำสอนหรือการเมือง แต่เป็นหนึ่งเดียวกัน แนวคิดนี้อาจฟังดูเข้าใจยาก แต่เป็นพรกับทุกคน เป้าหมายอันงดงามของผู้เชื่อคือการแสดงความห่วงใยซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองที่ต้องการความรักของพระเยซูอย่างมากที่สุด
ฮอลลี่ คุกไม่มีเพื่อนเลยสักคนเมื่อย้ายไปทำงานที่ลอนดอน เธอรู้สึกเศร้าหมองในวันหยุดสุดสัปดาห์ จากผลสำรวจทั่วโลกเมืองนี้ติดอันดับต้นๆในเรื่องความหดหู่ มีชาวลอนดอนร้อยละ 55 ที่บอกว่าพวกตนเหงา ในขณะที่ชาวเมืองลิสบอนในประเทศโปรตุเกสซึ่งอยู่ติดกันมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่รู้สึกเช่นนี้
ฮอลลี่ต้องการมีเพื่อน เธอต่อสู้กับความกลัวของเธอและก่อตั้งกลุ่มโซเชียลมีเดียชื่อ ชมรมสาวขี้เหงาแห่งลอนดอน และมีคนมาเข้าร่วมกลุ่มราวสามหมื่นห้าพันคน มีการพบปะเป็นกลุ่มเล็กทุกๆสองสามสัปดาห์เพื่อปิกนิกในสวนสาธารณะ เรียนศิลปะ เรียนทำเครื่องประดับ กินอาหารเย็น และแม้กระทั่งร่วมกันออกกำลังกายกลางแจ้งกับลูกสุนัข
ความท้าทายในเรื่องความเหงาไม่ใช่สิ่งใหม่ องค์พระผู้เยียวยาความรู้สึกโดดเดี่ยวของเราก็เช่นกัน ดาวิดได้บันทึกถึงพระเจ้าของเราผู้ทรงดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ว่า “ทรงให้ผู้ว้าเหว่เดียวดายเข้าอยู่ในครอบครัว พระองค์ทรงนำผู้ถูกจองจำออกมาด้วยการร้องเพลง” (สดด.68:6 TNCV) การขอให้พระเจ้าทรงนำเราให้ได้พบกับเพื่อนที่มีลักษณะเหมือนพระคริสต์คือสิทธิพิเศษจากพระเจ้า ด้วยเหตุนี้เราจึงทูลขอจากพระองค์ได้ ดาวิดกล่าวเพิ่มเติมว่า “พระเจ้าในที่ประทับบริสุทธิ์ของพระองค์ ทรงเป็นพระบิดาของคนกำพร้าและทรงเป็นผู้ป้องกันหญิงม่าย” (ข้อ 5) “สาธุการแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงค้ำชูเราทั้งหลายอยู่ทุกวัน พระเจ้าผู้ทรงเป็นความรอดของเรา” (ข้อ 19)
พระเยซูทรงเป็นสหายเลิศของเรา! พระองค์ทรงให้เรามีเพื่อนแท้ โดยเริ่มต้นด้วยการทรงสถิตอันเปี่ยมด้วยสง่าราศีของพระองค์ในทุกเวลา ดังที่ฮอลลี่กล่าวไว้ว่า “การมีเพื่อนก็ดีต่อจิตวิญญาณ”
อเล็กซ์ สมอลลีย์อยากให้ทุกคนตื่นเร็วขึ้นหรือไม่ก็ใช้เวลาในช่วงใกล้สิ้นสุดวันให้นานขึ้น เพื่อจะชมดวงอาทิตย์ขึ้นและตก ช่วงเวลาเหล่านั้นที่เปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วเป็นช่วงที่งดงามและน่าประทับใจที่สุดของวัน ตามคำของสมอลลีย์หัวหน้านักวิจัยการศึกษาในอังกฤษเรื่องอิทธิพลของบรรยากาศอันน่ายำเกรง แสงอาทิตย์ขึ้นหรือตกที่ให้ความสงบสามารถแก้ไขความรู้สึกขุ่นหมอง เพิ่มอารมณ์เชิงบวกและลดความเครียดได้มากยิ่งกว่าท้องฟ้าสีครามหรือทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่ระยิบระยับ สมอลลีย์กล่าวว่า “เมื่อคุณเห็นบางอย่างที่ไพศาลและท่วมท้นหรือบางอย่างที่ก่อให้เกิดความรู้สึกยำเกรง คุณจะรู้สึกว่าค่อยๆเล็กลง ดังนั้นคุณจึงไม่กังวลกับปัญหานั้นมากนัก”
การค้นพบที่น่าพิศวงของเขาสะท้อนถ้อยคำของผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ “ข้าแต่พระเจ้า คือพระองค์เอง ผู้ได้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลก ด้วยฤทธานุภาพใหญ่ยิ่งของพระองค์และด้วยพระหัตถ์ซึ่งเหยียดออกของพระองค์ สำหรับพระองค์ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกิน” (ยรม.32:17)
กษัตริย์ดาวิดก็ทอดพระเนตรการทรงสร้างของพระเจ้าและประกาศว่า “ฟ้าสวรรค์ประกาศพระสิริของพระเจ้า และภาคพื้นฟ้าสำแดงพระหัตถกิจของพระองค์” (สดด.19:1) ดวงอาทิตย์นั้น “ขึ้นมาจากสุดปลายฟ้าสวรรค์ข้างหนึ่ง และโคจรไปถึงที่สุดปลายอีกข้างหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดสามารถซ่อนให้พ้นจากความร้อนของมันได้” (ข้อ 6) การทรงสร้างอันเต็มไปด้วยพระสิริของพระเจ้านั้นสะท้อนถึงพระผู้สร้างผู้ทรงฤทธานุภาพสูงสุด ทำไมวันนี้เราจึงไม่ใช้เวลามองไปบนท้องฟ้าและรู้สึกอัศจรรย์ใจในพระองค์!
ความหวังที่เบ่งบาน
ในเมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อพื้นที่ที่มีหญ้าขึ้นรกได้รับการถางและทำให้สดใสด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่สวยงาม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็พลอยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นไปด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ
“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าพื้นที่สีเขียวนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต” ดร.ยูจิเนีย เซาท์กล่าว “และนั่นเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับคนที่อาศัยในย่านที่ยากจน” เซาท์เป็นอาจารย์จากคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และเป็นผู้เขียนร่วมของงานวิจัยชิ้นนี้
คนอิสราเอลและยูดาห์ที่ถูกข่มเหงได้พบความหวังใหม่ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ที่พระเจ้าจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่อย่างงดงาม ในท่ามกลางการลงโทษและการพิพากษาที่อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ก่อนหน้านั้น พระสัญญาที่นำความหวังอันสดใสนี้ได้หยั่งรากลง “ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดีทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอกอย่างต้นดอกฝรั่น มันจะออกดอกอุดมและเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบาน” (อิสยาห์ 35:1-2)
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรในวันนี้ เราสามารถชื่นชมยินดีในวิถีทางอันงดงามที่พระบิดาในสวรรค์ทรงรื้อฟื้นเราด้วยความหวังที่สดใหม่และการทรงสร้างของพระองค์ เมื่อเราท้อแท้ การใคร่ครวญถึงพระสิริและความงดงามของพระเจ้าจะช่วยให้เรามีกำลังขึ้น อิสยาห์หนุนใจเราว่า “จงหนุนกำลังของมือที่อ่อนและกระทำหัวเข่าที่อ่อนให้มั่นคง” (ข้อ 3)
ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกจะจุดประกายความหวังของเราอีกครั้งได้หรือไม่? ผู้เผยพระวจนะตอบว่า ได้ พระเจ้าผู้ทรงประทานความหวังให้กับเราก็เช่นกัน
เขียนโดย แพทริเซีย เรย์บอน
คิดใคร่ครวญ :
เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง คุณมักจะตอบสนองอย่างไร? การใช้เวลากลางแจ้งท่ามกลางสิ่งทรงสร้างจะเปลี่ยนความสิ้นหวังของคุณให้เป็นความหวังที่สดใหม่ในพระเจ้าได้อย่างไร?
อธิษฐาน :
ข้าแต่พระเจ้าที่รัก ขอบพระคุณสำหรับสิ่งทรงสร้างที่งดงาม ซึ่งทำให้ข้าพระองค์เห็นถึงสง่าราศีของพระองค์และฟื้นความหวังของข้าพระองค์ขึ้นใหม่ในพระองค์
ความหวังที่เบ่งบาน
ในเมืองฟิลาเดลเฟีย เมื่อพื้นที่ที่มีหญ้าขึ้นรกได้รับการถางและทำให้สดใสด้วยดอกไม้และต้นไม้ที่สวยงาม ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในบริเวณนั้นก็พลอยมีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นไปด้วย นี่เป็นข้อพิสูจน์ที่เป็นความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาเศรษฐกิจ
“มีหลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่าพื้นที่สีเขียวนั้นส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต” ดร.ยูจิเนีย เซาท์กล่าว “และนั่นเป็นสิ่งสำคัญโดยเฉพาะกับคนที่อาศัยในย่านที่ยากจน” เซาท์เป็นอาจารย์จากคณะแพทย์ศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย และเป็นผู้เขียนร่วมของงานวิจัยชิ้นนี้
คนอิสราเอลและยูดาห์ที่ถูกข่มเหงได้พบความหวังใหม่ในนิมิตของผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ ที่พระเจ้าจะรื้อฟื้นพวกเขาขึ้นใหม่อย่างงดงาม ในท่ามกลางการลงโทษและการพิพากษาที่อิสยาห์ได้พยากรณ์ไว้ก่อนหน้านั้น พระสัญญาที่นำความหวังอันสดใสนี้ได้หยั่งรากลง “ถิ่นทุรกันดารและที่แห้งแล้งจะยินดีทะเลทรายจะเปรมปรีดิ์และผลิดอกอย่างต้นดอกฝรั่น มันจะออกดอกอุดมและเปรมปรีดิ์ด้วยความชื่นบาน” (อิสยาห์ 35:1-2)
ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นเช่นไรในวันนี้ เราสามารถชื่นชมยินดีในวิถีทางอันงดงามที่พระบิดาในสวรรค์ทรงรื้อฟื้นเราด้วยความหวังที่สดใหม่และการทรงสร้างของพระองค์ เมื่อเราท้อแท้ การใคร่ครวญถึงพระสิริและความงดงามของพระเจ้าจะช่วยให้เรามีกำลังขึ้น อิสยาห์หนุนใจเราว่า “จงหนุนกำลังของมือที่อ่อนและกระทำหัวเข่าที่อ่อนให้มั่นคง” (ข้อ 3)
ดอกไม้เพียงไม่กี่ดอกจะจุดประกายความหวังของเราอีกครั้งได้หรือไม่? ผู้เผยพระวจนะตอบว่า ได้ พระเจ้าผู้ทรงประทานความหวังให้กับเราก็เช่นกัน
เขียนโดย แพทริเซีย เรย์บอน
คิดใคร่ครวญ :
เมื่อรู้สึกสิ้นหวัง คุณมักจะตอบสนองอย่างไร? การใช้เวลากลางแจ้งท่ามกลางสิ่งทรงสร้างจะเปลี่ยนความสิ้นหวังของคุณให้เป็นความหวังที่สดใหม่ในพระเจ้าได้อย่างไร?
อธิษฐาน :
ข้าแต่พระเจ้าที่รัก ขอบพระคุณสำหรับสิ่งทรงสร้างที่งดงาม ซึ่งทำให้ข้าพระองค์เห็นถึงสง่าราศีของพระองค์และฟื้นความหวังของข้าพระองค์ขึ้นใหม่ในพระองค์